ในปี 2566 ช่วงมกราคมถึงมีนาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยมีสถิติผู้ที่ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกมาถึง 6,156 ราย และเสียชีวิตถึง 4 ราย และมีแนวโน้มที่จะสูงมากขึ้นเมื่อเข้าหน้าฝน เชื่อว่าหลายคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าสาเหตุไข้เลือดออกคือยุง แต่คงไม่แน่ใจว่ายุงชนิดไหน และจะรู้ได้อย่างไรว่าแบบไหนคืออาการของไข้เลือดออก และแบบไหนคือการไข้หวัดทั่วไป โดยเราจะพาไปเจาะลึก
สาเหตุไข้เลือดออก พร้อมมีวิธีป้องกันมาแนะนำกัน
รู้ทันสาเหตุไข้เลือดออกไข้เลือดออก เป็นโรคที่เกิดจากยุงลายเป็นพาหะนำโรค ยุงลายตัวเมียจะกัดคนและดูดเลือดที่มีเชื้อไวรัสเดงกี หลังจากนั้นเมื่อยุงตัวนั้น ไปกัดและดูดเลือดคนอื่นต่อ เชื้อไวรัสเดงกีจะเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ป่วย
เพราะสาเหตุไข้เลือดออกจึงทำให้เกิดอาการไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ อาเจียน เบื่ออาหาร อาจมีผื่นขึ้นตามผิวหนัง และอาจมีอาการเลือดออก เช่น เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน ปัสสาวะมีเลือดปน อุจจาระมีเลือดปน อาเจียนเป็นเลือด และอาจมีอาการรุนแรง เช่น ช็อก ไตวาย และเสียชีวิตได้
โดยสาเหตุไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสเดงกีมี 4 สายพันธุ์ คือ DENV-1, DENV-2, DENV-3 และ DENV-4 การติดเชื้อไวรัสเดงกีแต่ละสายพันธุ์จะทำให้มีอาการที่แตกต่างกันไป บางคนอาจมีอาการไม่รุนแรง ในขณะที่บางคนอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
วิธีป้องกันการติดเชื้อไข้เลือดออก เมื่อได้รู้ถึงสาเหตุไข้เลือดออกกันไปแล้ว เราก็มาดูวิธีป้องกันอาการไข้เลือดออกกันบ้าง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการแพร่เชื้อของเชื้อไวรัสเดงกีจะเกิดขึ้น เมื่อยุงลายตัวเมียกัดคนที่มีเชื้อไวรัสเดงกีในกระแสเลือด ยุงลายตัวเมียจะกัดคนในเวลากลางวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเช้าและเย็น ยุงลายตัวเมียจะวางไข่ในแหล่งน้ำที่ขังนิ่ง เช่น แจกัน ยางรถยนต์เก่า โอ่ง ถังเก็บน้ำ กะละมัง อ่างน้ำ ฝักบัว กระถางต้นไม้ เป็นต้น
ดังนั้น วิธีป้องกันโรคไข้เลือดออก จึงมีดังต่อไปนี้
- กำจัดแหล่งน้ำที่ขังนิ่ง
- ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว หมวก และถุงเท้าเพื่อป้องกันยุงกัด
- ใช้ยากันยุงชนิดทาหรือพ่น
- นอนในมุ้งที่มีมุ้งลวด
- กำจัดยุงลายในบ้านและบริเวณรอบบ้าน
- หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก
วิธีการดูแลตนเองเมื่อเกิดไข้เลือดออกมีอย่างไรบ้าง? หากเข้าใจสาเหตุไข้เลือดออกกันไปแล้ว เรามาดูวิธีดูแลตัวเองเมื่อป่วยกันบ้าง
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำในร่างกาย
- รับประทานยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล
- รับประทานยาบรรเทาอาการปวด เช่น ไอบูโพรเฟนหรือไดโคลเฟแนก
- รับประทานยาแก้อาเจียน เช่น โปรเมทาซีน
- รับประทานยาป้องกันการเลือดออก
- หากมีอาการรุนแรง เช่น ช็อก ไตวาย เลือดออกในสมอง ควรเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที